สร้างเงินใช้เอง ไม่ต้องเป็นลูกจ้าง Real Passive income
เรียนเชิญ ทุกท่านที่ สนใน Real Passive income ไม่ต้องหา สมาชิก, นอนอยู่บ้าน เล่น Social ทุกนาทีเงินไหลมาเทมา เสมือนดังรูปด้านล่าง
ก่อนที่จะลงลึกระบบเงินดิจิตอล ( crypto currency) ขอให้ทุกท่านเข้าใจ คำ 3 คำนี้ก่อนเป็นลำดับแรก
- Public key (สมุดธนาคาร, Bookkank)
- Private key (ลายเซ็นเบิกเงิน)
- Crypto Wallet (แฟ้มสมุดธนาคาร, bookbank floder)
Public key, Private key , Crypto Wallet
ผมเห็น gruru, newbie อธิบายแล้วปวดหัว ยกตัวอย่างแต่ละอัน ไม่เข้าเรือง เข้าราว อ่านแล้ว ทำให้งง ยิ่งขึ้น
ก่อนที่จะอ่านบทความนี้ ให้ลืมคำว่า กระเป๋าไปเลย ห้ามนึกถึงมัน ไม่รู้ว่าใคร เป็นคนแรกที่นำคำนี้มาใช้
เลือกคำไทย ได้ 💔💔 มาก😭😭
bookbank และ Crypto Wallet ที่ต้องเข้าใจก่อน ในโลก Crypto Currency
ให้ทุกคน นึกถึง ธุรกรรมที่ทำกับ bank ในชีวิตประจำวันก่อน
1. bookbank (สมุดธนาคาร) ดูรูป ประกอบ
มาดูกิจกรรมที่ ถอนเงินออกจากบัญชี
bookbank (สมุดธนาคาร) สิ่งที่สำคัญมี 2 สิ่งคือ
- เลขที่ บัญชี
- ลายเซ็นของผู้ฝาก (ซ่อนไว้ด้านหลังสมุด)
ส่วนข้อมูลอย่างอื่นใช้สำหรับ ยืนยันความถูกต้อง เช่น ชื่อ นายสมศักดิ์ กุลชนะภากร
ที่อยู่ บลา..........
มาดูกิจกรรมที่จะให้ทุกคนในประเทศ ฝากเงินในบัญชีเรา
- บอกหมายเลข บัญชีของเรา ให้กับ คนที่จะฝาก ในตัวอย่างคือ 015-3-17134-0
- ในความเป็นจริง แค่บอก เลขนี้ไป ก็สามารถโอนเงินมาได้แล้ว
- ข้อมูลอื่นๆ เป็นการตรวจสอบความถูกต้อง ว่า ใช่บัญชีเราไหม ถ้าเรามั่นใจว่า เลขถูกต้องอย่างอื่นไม่ต้องไปสนใจ บอกคนโอนไปเลย ให้โอนตามเลขนั้น อย่างอื่นไม่ต้องไปสนใจ เงินไม่เข้าผมรับผิดชอบเอง
- เมื่อโอนเสร็จ Transaction ก็จะไปปรากฏ่ใน เลข บัญชีนั้นเอง
- ต่อไปคนอื่นก็ทำแบบเดียกัน โอนมา 10 ราย ก็จะมี Transaction ก็จะไปปรากฏ 10 รายการ
- ปล หมายเลข บัญชีนี้ ต้องโอนเป็นเงิน บาทเท่านั้น
- ใครจะแหวก แนวจะโอนเงิน กีบ เงิน หยวน ไม่ได้ เลขบัญชีนี้ ไม่สามารถรับเงิน สกุลอื่นได้
- ถ้าจะโอนต้อง แปลงเงินเหล่านั้น เป็น เงินบาท ก่อน ถึงจะโอนได้ เช่น จะโอน เงิน 1 หยวนเข้า บัญชี 015-3-17134-0 ไม่สามารถทำได้ ต้องแลก หยวนเป็ฯเงินบาทก่อน ในที่นี้ คือ 1 หยวน = 5 บาท ดังนั้นต้องโอนเงิน 5 บาท เข้า บัญชี 015-3-17134-0 แบบนี้ได้
- การถอนเงินใน บัญชี 015-3-17134-0 สิ่งที่จำเป็นต้องใช้คือ
- ลายเซ็นเจ้าของบัญชี ที่เหมือนกับด้านหลัง book bank นี้ (ใครปลอมเหมือนก็ถอนได้)
- บัตรประจำตัวประชาชน (พนักงานดูหน้า ตรงกับ รูปไหม ก็ทำปลอมสิ)
- นี้คือ สิ่งที่ใช้ในการถอน ทุกธุรกรรมที่ถอนเงิน ก็จะปรากฏ transaction บันทึกใน bookbank นี้ ทั้งหมด
- หวังว่า ที่อธิบายมานี้ ทุกท่านน่าจะ เข้าใจได้ดี เพราะเป็นสิ่งที่ทุกท่านคุ้นเคยทุกวัน
คราวนี้ สมมุติ ทุกท่านเปิด บัญชี แบบนี้
- ธนาคารเดียวกัน หลายๆ บัญชี
- ต่างธนาคาร หลายๆ บัญชี
ทุกท่านจะเห็ฯว่า ทุก bookbank (สมุดธนาคาร) ก็จะมี
- เลขที่ บัญชี ไม่ซ้ำกันเลย ไม่ว่า จะ ธนาคารเดียวกัน หรือ ต่างธนาคาร
- แต่ลายเซ็น ด้านหลัง สมุด จะเหมือนกัน หรือต่างกัน ก็ได้
กรณีที่มีหลาย bookbank (สมุดธนาคาร) เจ้าของบัญชีต้อง กำหนดเองว่า จะให้ลูกค้า โอนเข้า บัญชีไหน ธนาคารไหน
เพื่อให้สะดวกในการจัดเก็บ bookbank (สมุดธนาคาร) เราควรมี แฟ้มใช้เก็บ bookbank ชื่อภาษาไทยคือ แฟ้มสมุดธนาคาร (bookbank floder)
ดังตัวอย่างในรูป
- เราจะไม่มี bookbank (สมุดธนาคาร) หรือ เอกสารใดๆ ที่จับต้องได้อีกต่อไป
- ไม่มีการตรวจสอบว่า หมายเลขบัญชีนี้ เป็นของใคร มีแต่ ตัวเลขล้วนๆ ไม่เหมือนกับโลก bookbank เช่น บัญชี 015-3-17134-0 คือของนาย สมศักดิ์ กุลชนะภากร ที่อยู่ บลาบ............. ใส่หมายเลขผิดเพียง 1 ตัว เงินก็หายไปกับ สายลม โอนไปให้ใคร ก็ไม่รู้ ตามไม่ได้
- ในโลก crypto currency เขาถือว่า ชื่อเจ้าของบัญชีเป็น ความลับสุดยอด (เหมาะสำหรับการ โกงกินโดยเฉพาะ พวกนักการเมืองส่วนใหญ๋ยังไม่รู้) ปปช ปปง มันก็ไม่สามารถมาตรวจสอบได้ ว่า หมายเลข บัญชีนี้ (RWyCyhLW4koEXs5ZaJabeBQ4LHuSYearod) เป็น ของใคร มีเงินเป็น พันล้านบาท
เมื่อเราไปเปิด บัญชี ในโลก crypto currency
สิ่งที่จะได้มาคือ
คู่รหัส Public key = (RWyCyhLW4koEXs5ZaJabeBQ4LHuSYearod) ตัวอย่างสมมุติ
Private key = 1234abcd ตัวอย่างสมมุติ
สำหรับเงิน อะไร เช่น เงิน บาท
คู่รหัสนี้ ใช้สำหรับ โอนเงิน บาท เท่านั้น
ถ้าต้องการเงิน สกุลอื่น ก็ต้อง ใช้ รหัสคู่ใหม่
- เราจะใช้ Public key แทน สมุดธนาคาร และ เลขบัญชี ยกตัวอย่างเช่น
- bookbank ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 015-3-17134-0 เป็นของ นาย ........
- จะแทนด้วย Public key ที่เป็นตัวเลขและตัวอักษร เช่น (ของจริง)
- ห้ามจำผิดแม้แต่ตัวเดียว ตัวเล็ก ตัวใหญ่ ก็ต้องเหมือนเป๊ะ
- เราจะใช้ Private key ที่เป็นตัวเลขและตัวอักษร แทน ลายเซ็นและบัตรประชาชน เช่น (ของจริง)
ดังนั้น คู่ (Public key + Private key) ห้ามให้ใครรู้เป็น อันขาด ถ้ารู้คนนั้นเป็ฯเจ้าของบัญชี
รู้ตัวเดียวไม่มีความหมาย ชาติหน้าก็ โอนเงินออกไม่ได้ โอนเงินเข้าได้
สรุป
ระบบปัจจุบัน ระบบ crypto currency
เลข บัญชีธนาคาร เช่น 015-3-17134-0 เลขบัญชี คือ Public key
ลายเช็นต์ เจ้าของ บัญชี ลายเช็นต์ คือ Private key
ปล.
Public key, Private key จะจับคู่ กัน 1 ต่อ 1 เสมอ ไม่สามารถเอา Private key อัน หนึ่งไป เปิด public key อีกอันได้ เช่น
ชุดที่ 1 Public key = (RWyCyhLW4koEXs5ZaJabeBQ4LHuSYearod)
Private key = 1234abcd
ชุดที่ 2 Public key = (AB34LW4koEXs5C564bbbt4LOIUDFHFYYo)
Private key = 9876plmk
จะเอา Private key = 9876plmk นี้ ไปเปิด ของ
Public key = (RWyCyhLW4koEXs5ZaJabeBQ4LHuSYearod)
เปิดไม่ได้ เพราะ รหัสไม่เข้ากัน
มาตรงนี้ คงเข้าใจ Public key, Private key ดีทุกคนแล้ว (ถ้าไม่เข้าใจกลับไปอ่านใหม่ก่อน)
สิ่งที่จะต้องทราบต่อไปก็คือ การผูก Public key, Private key เข้ากับ สกุลเงิน
ในโลก bookbank (สมุดธนาคาร) ก็ต้องคู่กับ สกุลเงิน จะโอน ต่างสกุลเงินไม่ได้ ดังได้อธิบายไว้แล้ว
ดังนั้นการได้มา ซึ่ง Public key, Private key จะต้องระบุ สกุลเงินก่อน ว่า ใช้สำหรับ สกุลเงินอะไร
จากนั้นโปรแกรมถึงจะให้ Public key, Private key มา
ตัวอย่างเช่น ในโปรแกรม จะให้เราเลือก สกุลเงินก่อน ว่า ต้องการ ซื่้อ - ขาย สกุลเงินอะไร
BTC บิทคอย
BTC บิทคอย
ETH อีทีเรียม
LTC Litecoin
LTC Litecoin
VRSC Verus coin
ฺBTH เงินบาท
เมื่อเลือกแล้ว โปรแกรมถึงสร้าง Public key, Private key สำหรับ สกุลเงินนั้นให้เพื่อใช้ในการทำธุรกรรมต่อไป
ปล.
1 สกุลเงิน สามารถมีคู่ Public key, Private key ได้ไม่จำกัด เช่น
สกุลเงิน ฺBTH กดเลือก 5 ครั้ง ก็จะมีคู่ Public key, Private key 5 ชุด ตัวอย่างคือ
ชุดที่ 1 Public key = (1111yhLW4koEXs5ZaJabeBQ4LHuSYearo1)
Private key = 1111abcd
ชุดที่ 2 Public key = (222222koEXs5C564bbbt4LOIUDFHFYY2)
Private key = 2222plmk
ชุดที่ 3 Public key = (333333W4koEXs5ZaJabeBQ4LHuSYearo3)
Private key = 3333abcd
ชุดที่ 4 Public key = (444444AB34LW4koEXs5C564bbt4LOIU4)
Private key = 4444plmk
ชุดที่ 5 Public key = (555555RWyCyhLW4koEXs5ZaJabeBQ5)
Private key = 5555abcd
ทั้ง 5 ชุดนี้ ใช้สำหรับ ซื้อ ขาย สกุลเงิน BTH (เงินบาท เท่านััน)
มาดูกิจกรรมที่จะให้ทุกคนทั่วโลก ฝากเงินในบัญชีเรา
- บอก Public key ให้กับ คนที่จะฝาก สกุลเงิน BTH ตัวอย่างคือ (555555RWyCyhLW4koEXs5ZaJabeBQ5) ของจริงแยะกว่านี้
- ผู้โอนก็ใส่ หมายเลขนี้ เท่านั้น ก็โอนให้เลย (ไม่มีการตรวจสอบชื่อใดๆ ทั้งสิ้น)
- เมื่อโอนเสร็จ Transaction ก็จะไปปรากฏ่ใน Public key
- ต่อไปคนอื่นก็ทำแบบเดียกัน โอนมา 10 ราย ก็จะมี Transaction ก็จะไปปรากฏ 10 รายการ
- ปล หมายเลข Public key นี้ต้องโอนเป็น สกุลเงิน BTH เท่านั้น
มาดูกิจกรรมที่ ถอนเงินออก จาก Public key
- การถอนเงินให้เลือก Public key ที่ต้องการ โปรแกรมก็จะถาม หา Private key
- ใส่เลข Private key ให้ถูกต้อง
- จากนั้นก็สามารถ ทำการ ถอน โอน ได้
- ทุกธุรกรรมที่ถอนเงิน ก็จะปรากฏ transaction บันทึกใน Public key นี้ ทั้งหมด
สิ่งที่อธิบายมา จะเห็นว่า Public key, Private key นั้นเป็นอะไรที่ ยาวมาก จำยาก
ไม่เหมาะมาใช้งานจริง จึงเป็นเหตุที่มาของ คำว่า Crypto wallet หรือบางคนเรียกว่า (wallet address)
Crypto wallet ภาษาไทย คือ แฟ้มสมุดธนาคาร (bookbank floder)
ก่อนที่จะทำความเข้าใจ Crypto wallet (แฟ้มสมุดธนาคาร) มาดูโลกชีวิตจริงก่อน
Master Key คืออะไร
จากรูป ตัวลูกกุญแจทั่วๆไป ก็จะคู่ใครคู่มัน ไม่สามารถ สลับกันได้แต่ถ้าเรามี masterkey ดอกเดี่ยว ก็จะสามารถไข แม่กุญแจทุกตัวได้
นำหลักการนี้ มาใช้กับ โลก crypto currency
คราวนี้มาพิจารณา Public key, Private key
เราจะต้องจำ คู่ Public key, Private key ทุกคู่ คงสร้างความ ปวดหัว น่าดู น่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้
ใช้หลักการ Master Key แต่ พี่แกไม่เรียก เด๋วเสีย ฟอร์ม เรียกชื่อใหม่เท่ห์ๆ ดีกว่า Crypto wallet
Crypto wallet (แฟ้มสมุดธนาคาร) ทำหน้าที่หลักในการสร้าง คู่รหัส Public key, Private key กับสกุลเงินต่างๆ โดยในการสร้าง Crypto wallet(แฟ้มสมุดธนาคาร) นี้ จะใช้ รหัสที่เรียกว่า Seed word เท่านั้น เมื่อได้ (แฟ้มสมุดธนาคาร) มาแล้ว ตัว (แฟ้มสมุดธนาคาร) เอง จะไป สร้าง คู่รหัส Public key, Private key กับสกุลเงินต่างๆ ได้มากมาย ทำให้เราไม่ต้องไป จดจำ Public key, Private key ที่ยาว อีกต่อไป
หลายคนเข้าใจว่า Crypto wallet (แฟ้มสมุดธนาคาร) ใช้สำหรับเก็บ Crypto currency หรือ Digital assets เข้าใจผิดอย่างแรง (เก็บ ธุรกรรมทางการเงิน เช่น การ ฝาก - โอนเงิน)
Crypto wallet (แฟ้มสมุดธนาคาร) จะทำหน้าที่ จดจำ รหัส ของ Public key, Private key แทนเรา เอง เก็บเอาไว้ในคอมพิวเตอร์ของเรานี่แหละ โดยการทำงานเป็นดังนี้
- ในการสร้าง PublicKey / PrivateKey ค่าที่ได้ออกมาจะเป็นค่าทางคณิตศาสตร์ตัวหนึ่ง เป็นชุดของตัวเลขอะไรก็ไม่รู้ยาวๆ
- มันจะแปลงค่าเหล่านี้ให้อยู่ใน Format ของตัวอักษรสำหรับเก็บข้อมูลได้ โดยมีใช้กันหลักๆอยู่ 2 Format คือ DER กับ PEM
- PublicKey นี่แหละ ใช้สำหรับแจกจ่ายให้กับคนอื่นๆได้ เพื่อที่คนอื่นจะสามารถโอนเงินมายังบัญชีเราได้ แต่ตัว PublicKey ที่ Generate โดย RSA และ ECC นั้นมีความยาวค่อนข้างมาก ทำให้ไม่สามารถที่จะส่งให้ได้สะดวก
- วิธีการง่ายมาก ตัวโปรแกรม wallet ที่ว่า จะทำให้สั้นลง(ไม่ต้องไปรู้หรอกว่ามันทำอย่างไร) เพื่อให้ง่ายในการใช้งาน เหลือประมาน 40 ตัว ออกมาเป็น Wallet Address ให้เราใช้งาน ตัวอย่างคือ
เพียงเท่านี้เราก็จะได้ Wallet Address จาก Public Key นั้นแล้ว และสามารถนำไปใช้ในระบบ crypto currency เราได้ (อย่างที่บอก ไม่ต้องไปจำ รหัสยาวๆ)
5. ส่วน Private Key นั้น เราไม่ต้องไป จำอะไร ตัว โปรแกรม ที่เป็น wallet จัดการให้เราเอง ถ้าเราสามารถ ผ่านเข้า ระบบในการ Login มาได้ เราก็สามารถ โอน ย้าย เงินได้เลย
สรุปคือ Crypto wallet จะสร้าง Wallet Address (หมายเลข บัญชี สมุดธนาคาร) จาก Public Key เพื่อให้เรา ไปใช้งาน
ดังนั้นถ้าต้องการให้ใคร โอน เงิน มาให้เรา ก็บอก
Wallet Address -----> 1MGF6D24S92zaYPL31LDnHczfoTTf7Ehvd
ของ สกุลเงินนั้นๆ ไป
ตัวอย่างของจริงของผู้เขียนเอง wallet address ที่ web Safe.trade https://safe.trade ทุกท่านสามารถเข้าไปลองเล่นดูได้เลย wallet address ของ สกุลเงิน VRSC ในที่นี้ เขาใช้คำว่า Deposit Address
ถ้าบังเอิญ คอมพิวเตอร์เราหาย เราสามารถไปสร้าง Crypto wallet (แฟ้มสมุดธนาคาร) ขึ้นมาแทนได้ โดย ใส่รหัส Seed word ( 12 คำเท่านั้น) เข้าไป ตัว Crypto wallet (แฟ้มสมุดธนาคาร) ก็จะ นำ Wallet Address ของ สกุลเงินนั้นๆ กลับคืนมาเหมือนเดิม
จะเห็นว่า เราไม่ต้องจำ คู่ รหัส Public key, Private key ที่มีมากมายอีกต่อไป จำแค่ seed word ( 12 คำเท่านั้น)
พูดง่ายๆ คือ Crypto wallet (แฟ้มสมุดธนาคาร) เก็บ รหัส Public key, Private key แทนให้ เราไม่ต้องไปจำทุกคู่ Public key, Private key
Crypto wallet ---------> Master Key
Public key, Private key --------> แม่กุญแจ, ลูกกุญแจ
เราจำ รหัสเพียง 12 คำ ที่เรียกว่า Seed word แค่นั้น
Seed word คืออะไร
ตอนสร้าง Crypto wallet (แฟ้มสมุดธนาคาร) มันจะ สร้าง คำมาให้เรา 12 คำ เพื่อใช้เป็นรหัสของ Crypto wallet (แฟ้มสมุดธนาคาร)
จากนั้น ตัว Crypto wallet (แฟ้มสมุดธนาคาร) จะทำการสร้าง Wallet Address ของ สกุลเงินนั้นๆ จาก คู่ Public key, Private key ให้เราเอง
ตัวอย่าง seed word
ตัว Crypto wallet (แฟ้มสมุดธนาคาร) เราสามารถ สร้างได้ หลายๆ แฟ้ม จากรูป
- สีฟ้า จำคำ 12 คำ
- สีเขียว จำคำ 12 คำ
- สีเหลือง จำคำ 12 คำ
- สีส้ม จำคำ 12 คำ
Crypto wallet (แฟ้มสมุดธนาคาร) ที่เรารู้จักกันในโลกคอมพิวเตอร์ ก็คือโปรแกรม เช่น Metamask , Trust wallet, Safepal , โปรแกรม ของพวก Borker ต่างๆ เช่น bitkub, สตางค์ โปร , Safe.trade หรือตัวอื่นๆ มีมากมาย
ยกตัวอย่าง โปรแกรม Metamask จะใช้ Seed word (คำ 12 คำ) เพื่อใช้ในการสร้าง Crypto wallet (แฟ้มสมุดธนาคาร)
นี้คือ บ/ช ของผู้เขียน ใน Safe.trade ซึ่งเป็นเงิน crypto currency ผู้เขียน ขุดสกุลเงิน VRSC
ซึ่ง 1 เหรียญ = 1 US$ ประมาณ 33 บาทไทย
แม้ผู้เขียน นอนหลับ เครื่องมันก็ สร้างเงินให้ผมทุก นาที แบบนี้ ถึงจะเรียกว่า Real Passive income
ไม่ต้องไปโทรศัพท์หา สมาชิก สร้างความเดือนร้อน ให้กับ ญาติ พี่น้อง เพือน ครู อาจารย์
แล้วพบกัน เดือน ธันวาคม 2564 นะครับ
ติดต่อผู้เขียน
Line id :ruok191
email : ruok191@gmail.com
Faq (คำถามคาใจ) Click👈
- วิธีการถอน Verus Coin ผ่าน SafeTrade มา SatangPro แปลงเป็นเงินบาท THB
- ถ้า Crypto wallet ต่างๆ ถอดปลั๊ก เงินหายไหม
- จะทดลอง ขายเหรียญ แบบไม่ลงทุน ทำอย่างไร
- สนใจเครื่องผลิตเงินทุกนาที ขอรายละเอียด
- อื่นๆ อีกมากมาย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น